ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ย
ผู้กู้มาทำการกู้เงินจำนวน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ 1.25% ต่อ
เดือน หรือ 15% ต่อปี ผู้กู้จะต้องชำระดังนี้
500,000*1.25% =6,250 บาท และจะต้องนำส่งทุกเดือน
ถ้าผู้กู้นำเงินมาตัดต้น เช่น นำเงินคืน 300,000 บาท ก็จะเหลือเงินที่ยังเป็น
หนี้ 200,000 บาท ก็นำจะเหลือยอด 200,000 มาคำนวณดอกเบี้ย คือ
200,000*1.25% = 2,400 บาท เดือนต่อมาก็นำส่งดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าว
เป็นต้นไปครับ
ถ้าหากไม่มีการชำระเลยติดต่อกันเกิน 3 เดือน ทางเราก็จะให้ทนายส่ง
จดหมายเตือนก่อน หากยังไม่มีการชำระอีกก็ว่ากันตามกฎหมายของการ
บังคับจำนอง หรือกฎหมายของการขายฝาก หากสัญญาขายฝากหมดอายุ
แลัวมีเงินจะมาชำระดอกเบี้ยทางเราก็ยินดีที่จะไปขยายระยะเวลาให้ ค่า
ธรรมเนียมในการขยายระยะเวลาของกรมที่ดินประมาณไม่เกิน 200 บาท
ถ้าท่านมีโฉนด บ้าน ที่ดิน คอนโด ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ และต้องการใช้เงินเพื่อมาหมุนเวียนในงาน หรือ ธุรกิจของท่าน เรายินดีให้บริการเปลี่ยนโฉนดมาเป็นเงินสดได้เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในงาน หรือธุรกิจของท่านได้นะคะ ให้ยอดสูง ไม่ผ่านนายหน้า นายทุนทำเอง ดูงานเอง ถ้าตกลงกันได้จ่ายเงินทันที่ เมื่อโฉนดออกมาแล้ว
สนใจติดต่อ 081-889-9393 คุณพร
รับจำนองบ้าน รับขายฝากบ้าน ที่ดิน คอนโด ทาวเฮ้าส์ ตึกแถว หลักทรัพย์สวย ทำเลดี บ้านสวย บ้านใหม่ ดอกเบี้ยขายฝากเริ่มต้น 1 % ต่อเดือน รับวงเงินตั้งแต่ 2 แสน ถึง 4 ล้าน รับเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เท่านั้นนะคะ
กรมที่ดินที่จะออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้
1. ที่ดินที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
คือ โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3, น.ส. 3ก., น.ส. 3ข.)ได้ จะต้องเป็นที่ดินที่มีลักษณะตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ข้อ 14 กล่าวคือ
จะต้องเป็นที่ดินที่ผู้มีสิทธิในที่ดินได้ครอบครองและทำประโยชน์แล้ว
ไม่เป็นที่ดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบที่ชายตลิ่ง ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์
ไม่เป็นที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินพุทธศักราช 2478
ไม่เป็นที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติสงวนและพัฒนาที่ดินเพื่อจัดให้แก่ประชาชน
ไม่เป็นที่ดินของรัฐที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติสงวนหรือหวงห้ามเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ไม่เป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น
2. ที่ดินที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ จะออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินได้จะต้องอยู่ในเงื่อนไข ดังนี้
ที่เขา ที่ภูเขา และพื้นที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศหวงห้ามตาม มาตรา 9 (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ผู้ครอบครองที่ดินจะต้องมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ที่เกาะ จะต้องมีหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1 ) ใบจอง, ใบเหยียบย่ำ, น.ค. 3, ก.ส.น. 5 หรือเป็นที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดิน แห่งชาติได้อนุมัติให้จัดแก่ประชาชน หรือเป็นที่ดินซึ่งได้มีการจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา 10 และ 11 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดย คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติแล้ว
เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่ได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวร จะต้องมีหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1 ) หรือได้ออกใบจอง, ใบเหยียบย่ำ, ตราจอง ไว้ก่อนการสงวนหรือ หวงห้ามที่ดิน
ที่ดินที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้ครอบครองที่ดินจะต้องมีหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1), ใบแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน หรือมีใบจอง, ใบเหยียบย่ำ หรือมีหลักฐาน น.ค. 3, ก.ส.น. 5 ก่อนประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
พื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ยร้อยละ 35 ขึ้นไป ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายป่าไม้ แห่งชาติ ผู้ครอบครองที่ดินจะต้องมีสิทธิครอบครองมาก่อน การบังคับใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน (ก่อน 1 ธันวาคม 2497) หรือมีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น มีหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1)
การขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะราย
หลักฐานประกอบการขอออกโฉนดที่ดิน
- บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
- แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)
- ใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน
- ใบจองหรือใบเหยียบย่ำ หรือตราจอง
- หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3, น.ส.3 ก.,น.ส.3 ข) หรือใบสำคัญแสดงการนำที่ดินขึ้นทะเบียน (แบบหมายเลข 3)
- ใบไต่สวนหรือใบนำ
- หนังสือแสดงการทำประโยชน์ ในกรณีที่ได้รับการจัดที่ดินในนิคมสร้างตนเองหรือสหกรณ์นิคม (น.ค.3 หรือ กสน.5)
- หลักฐานการเสียภาษีที่ดิน หรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
หลักฐานประกอบการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
- บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
- แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)
- ใบรับแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน
- ใบจองหรือใบเหยียบย่ำ หรือตราจอง
- หนังสือแสดงการทำประโยชน์ ในกรณีที่ได้รับการจัดที่ดินในนิคมสร้างตนเองหรือสหกรณ์นิคม (น.ค.3 หรือ กสน.5)
- หลักฐานการเสียภาษีที่ดินหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย
1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2. ชี้ระวางแผนที่
3. รับคำขอ สอบสวน ชำระเงินค่าธรรมเนียม
4. ฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด
5. ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หมายข้างเคียง
6. รับหมายแจ้งเจ้าของที่ดินข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัดรับหลักเขตที่ดิน
7. ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัด พิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ที่ดิน
8. คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่โฉนดที่ดิน
9. เจ้าพนักงานที่ดินประกาศการแจกโฉนดที่ดิน 30 วัน
10. ประกาศแจกที่ดินให้ปิดในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่ ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่และในบริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับ
11. เสนอเรื่องขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีขอออกโฉนดที่ดินโดยมิได้แจ้งการครอบครอง
หรือกรณีเนื้อที่เกิน 50 ไร่ ตามมาตรา 59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
12. ส่งเรื่องให้คณะกรรมการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ตรวจสอบกรณีที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้
13. ประสานงานกับ ส.ป.ก.หรือผู้ปกครองนิคมฯ กรณีที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินฯ นิคมสร้างตนเอง หรือสหกรณ์นิคม
14. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอและแจ้งเจ้าของที่ดินมารับโฉนดที่ดิน
15. แจกโฉนดที่ดินให้ผู้ขอ
ขั้นตอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3, น.ส.3 ก., น.ส.3 ข)
1. เจ้าของที่ดินนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไปยื่นคำขอรังวัดออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
2. ชี้ตำแหน่งในระวางรูปถ่ายทางอากาศ ( ร.ว.10 ก ) พร้อมลงนามรับรอง
3. ให้ถ้อยคำในการนัดรังวัด เพื่อ
- กำหนดวันทำการพิสูจน์
- กำหนดเงินค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม
- กำหนดสถานที่นัดพบ
4. รับเจ้าหน้าที่ไปทำการพิสูจน์ตรวจสอบและปักหลัก จนเสร็จการ
5. ลงนามในเอกสารต่าง ๆ
6. รอรับหนังสือแจ้งให้ไปรับประกาศไปปิดประกาศ และนำหางประกาศมาคืนเจ้าหน้าที่
7. รอรับหนังสือแจ้งให้ไปรับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ค่าคำขอแปลงละ
5 บาท
ค่าประกาศแปลงละ
10 บาท
ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินแปลงละ
40 บาท
ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนเกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แปลงละ
30 บาท
ค่าหลักเขตที่ดิน หลักละ
15 บาท
ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
- ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ
50 บาท
- ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกินไร่ แปลงละ เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่
2 บาท
ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
- ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ
30 บาท
- ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกินไร่ แปลงละเศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่
2 บาท
ค่าใช้จ่าย
- ค่าพาหนะเดินทางให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่และคนงาน ให้จ่ายเท่าที่จำเป็น และใช้จ่ายไปจริง
- ค่าเบี้ยเลี้ยง ให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่และค่าจ้างคนงาน ให้จ่ายเท่าที่จำเป็นตามระเบียบของทางราชการ
เท่าอัตราของทางราชการ
- ค่าป่วยการให้แก่พนักงานผู้ปกครองท้องที่หรือผู้แทนที่ไปในการรังวัดคนหนึ่งวันละ 50 บาท
- ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
การออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน
การออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ดำเนินการได้ 2 วิธี คือ
* การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต (ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน)
* การเปลี่ยน น.ส. 3 ก. เป็นโฉนดที่ดิน
1. การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต (ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน)
การออกโฉนดที่ดินวิธีนี้ เป็นการออกโฉนดที่ดินที่กรมที่ดินส่งเจ้าหน้าที่จากกองหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน ไปทำการเดินสำรวจเป็นหมู่บ้านหรือตำบล โดยประชาชนไม่ต้องมายื่นคำขอ โดยเจ้าของที่ดินหรือตัวแทนจะต้องนำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดและปักหลักเขตเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนสิทธิในที่ดิน พร้อมทั้งให้ลงชื่อในเอกสารการสอบสวน และลงชื่อรับรองเขตที่ดินข้างเคียง (กรณีที่ดินข้างเคียงออกโฉนดที่ดินในคราวเดียวกัน) การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต มี 2 ประเภทคือ
1.1 การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินโดยการสร้างระวางแผนที่ หรือเรียกว่า "การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินภาคพื้นดิน" จะดำเนินการในพื้นที่หมู่บ้าน หรือพื้นที่ที่มีสิ่งปกคลุม เช่น ที่สวน ที่ไร่ ซึ่งไม่เห็นรายละเอียดในระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ
1.2 การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินโดยใช้ระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ เป็นการออกโฉนดที่ดินที่คล้ายกับข้อ 1.1 แต่ไม่ได้สร้างระวางแผนที่ โดยเจ้าหน้าที่จะนำระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศไปทำการหมายหลักเขตและตำแหน่งที่ดินไว้ในระวางแผนที่ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่โล่ง เช่นที่นา
2. การเปลี่ยน น.ส. 3 ก. เป็นโฉนดที่ดิน
เป็นการออกโฉนดที่ดินที่ไม่ต้องมีการรังวัดปักหลักเขต โดยจะดำเนินการเฉพาะที่ดินที่เป็นที่นา และมีหลักฐาน น.ส. 3 ก. เท่านั้นการออกโฉนดที่ดินวิธีนี้ เจ้าของที่ดินไม่ต้องมานำเดินสำรวจ พนักงานเจ้าหน้าที่จะทำการเปลี่ยน น.ส. 3 ก. ให้เป็นโฉนดที่ดินตามหลักวิชาแผนที่ โดยทำการออกโฉนดที่ดินตามชื่อที่ปรากฏใน น.ส. 3 ก. เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะประกาศกำหนดวันแจกโฉนดที่ดิน ซึ่งมีผลให้ น.ส. 3 ก. ถูกยกเลิกตั้งแต่วันกำหนดแจกโฉนดที่ดิน ผู้มีชื่อโฉนด/ทายาดต้องมารับโฉนดที่ดิน
3. ขั้นตอนการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต
1. เจ้าหน้าที่จะไปประชุมนัดหมายการรังวัดและสอบสวนสิทธิ
2. เจ้าของที่ดินไม่ต้องมายื่นคำขอ แต่ต้องเตรียมการดังนี้
* นำหลักเขตไปปักตามมุมเขตที่ดินของตน
* นำเจ้าหน้าที่เดินสำรวจฯ เพื่อทำการรังวัด
* เตรียมเอกสารมอบให้เจ้าหน้าที่ เช่น หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (ส.ค. 1 น.ส.3. น.ส.3 ก. หรือ น.ส. 3 ข. (เป็นต้น) สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน
* ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ และลงชื่อในแบบสอบถามการออกโฉนดที่ดิน
3. เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเป็นกลุ่มหมู่บ้านและตำบล และประกาศแจกโฉนดที่ดิน 30 วัน
4. ประกาศแจกที่ดินให้ปิดในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่
ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่และในบริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับ
5. เจ้าหน้าที่นัดหมายการแจกโฉนดที่ดิน
4. ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน
การออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต
- ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ
50 บาท
(เนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน ไร่ละ 2 บาท(เศษของไร่คิดเป็นหนึ่งไร่)
- ค่าหลักเขตเหมาจ่าย แปลงละ(ไม่ว่าจะใช้หลักเขตกี่หลักก็ตาม)
60 บาท
- ค่ามอบอำนาจ หากมี จะต้องเสียค่ามอบอำนาจเพิ่มเรื่องละ
20 บาท
อากรปิดในหนังสือมอบอำนาจเรื่องละ
30 บาท
การออกโฉนดที่ดินโดยวิธีการเปลี่ยน น.ส. 3 ก. เป็นโฉนดที่ดิน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
การขอออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
หลักฐานประกอบการขอออกใบแทน
1. กรณีโฉนดที่ดินชำรุด ถ้ามีหลักฐานตรวจสอบได้ คือ มีตำแหน่งที่ดิน เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อและตราประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด และ/หรือชื่อและตราประจำ ตำแหน่ง ของเจ้าพนักงานที่ดินตามลักษณะของแบบโฉนดที่ดิน
2. กรณีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ชำรุด การตรวจสอบหลักฐานให้อนุโลมตามข้อ 1
กรณีตามข้อ 1 และข้อ 2 จะต้องมีหลักฐานประกอบ คือ
- โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ชำรุด
- บัตรประจำตัวผู้ขอ
- ทะเบียนบ้าน
- หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
3. กรณีโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นอันตรายสูญหายหรือชำรุดไม่สามารถตรวจสอบ หลักฐานได้
นอกจากมีหลักฐานดังกล่าวข้างต้นแล้วจะต้องดำเนินการและมีหลัก ฐานดังนี้ด้วย
3.1 ต้องนำพยานที่เชื่อถือได้และ/หรือรู้เห็นการสูญหายของโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์อย่างน้อย 2 คน
ไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวนและพยานต้องนำบัตรประจำตัวไปแสดงด้วย
3.2 กรณีสูญหาย เนื่องจากการกระทำความผิดทางอาญา ให้นำหลักฐานการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไปประกอบคำขอด้วย
3.3 ถ้าเป็นกรณีศาลสั่งหรือเจ้าพนักงานตามกฎหมายขอให้ออกใบแทนให้นำคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรือหนังสือร้องขอไปด้วย
ขั้นตอนการขอออกใบแทน
1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2. เจ้าหน้าที่รับคำขอและสอบสวน
3. ตรวจสอบหลักฐาน ตรวจหนังสือมอบอำนาจ และพิจารณาสั่งการ
4. ลงบัญชีรับทำการ
5. ตรวจอายัด
6. เขียนใบสั่ง ใบเสร็จและรับเงินค่าธรรมเนียมคำขอ
7. พิมพ์ประกาศ กรณีโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นอันตรายหรือสูญหาย
8. เจ้าของที่ดินรับประกาศและนำเจ้าหน้าที่ไปปิดประกาศ
9. ประกาศแจกที่ดินให้ปิดในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่ ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่และในบริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับ
10. ประกาศครบกำหนด 30 วัน ไม่มีผู้โต้แย้งคัดค้าน เบิกแบบพิมพ์ดำเนินการสร้างใบแทน
11. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาลงนามในใบแทน และแจ้งเจ้าของที่ดินมารับใบแทน
12. แจกใบแทนให้เจ้าของที่ดิน
ค่าธรรมเนียมการออกใบแทน
1. ค่าคำขอแปลงละ 5 บาท
2. ค่าประกาศแปลงละ 10 บาท (กรณีที่ต้องมีการประกาศ)
3. ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
4. ค่าออกใบแทนโฉนดที่ดินฉบับละ 50 บาท
5. ค่าออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับละ 50 บาท
6. ค่ามอบอำนาจ กรณีที่มีการมอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
7. ค่าอากรแสตมป์ปิดใบมอบอำนาจ ฉบับละ 30 บาท
8. ค่าคำขอแปลงละ 5 บาท
9. ค่าประกาศแปลงละ 10 บาท (กรณีที่ต้องมีการประกาศ)
10. ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
11. ค่าออกใบแทนโฉนดที่ดินฉบับละ 50 บาท
12. ค่าออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับละ 50 บาท
13. ค่ามอบอำนาจ กรณีที่มีการมอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
14. ค่าอากรแสตมป์ปิดใบมอบอำนาจ ฉบับละ 30 บาท
ธุรกิจการรับจำนองบ้าน รับขายฝากบ้าน ของ homequickcash2u
homequickcash2u เป็นธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อแก่เจ้าของบ้าน โดยนำบ้านมาเป็นหลักประกัน มีบริการหลัก 2 ประเภท ดังนี้
1. รับจำนองบ้าน:
เจ้าของบ้านนำบ้านมาเพื่อขอสินเชื่อ
เจ้าของบ้านยังคงอาศัยอยู่ในบ้านได้
อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระร้อย15 ต่อปี ตามกฏหมาย
2. รับขายฝากบ้าน:
เจ้าของบ้านโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านให้กับ homequickcash2u
เจ้าของบ้านมีสิทธิไถ่ถอนบ้านคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไป 1-10 ปี)
homequickcash2u เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านระหว่างช่วงเวลาไถ่ถอน
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับ homequickcash2u ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี
ข้อดีของการใช้บริการ homequickcash2u:
ได้รับเงินทุนโดยไม่ต้องขายบ้าน
อัตราดอกเบี้ยต่ำ น่าเชื่อถือ
บริการรวดเร็ว สะดวก ได้รับเงินภายใน 1 วัน
มีทีมงานมืออาชีพให้คำปรึกษา
ข้อเสียของการใช้บริการ homequickcash2u:
เสียค่าธรรมเนียมการค่าจำนอง/ขายฝาก/ดอกเบี้ย
ความหมายของการขายฝาก ปี 2567
การขายฝากในปี 2567 ยังคงมีหลักการสำคัญคล้ายคลึงกับปีก่อนๆ คือ เป็นการทำนิติกรรมสัญญาที่ผู้ขายฝาก (เจ้าของทรัพย์สิน) โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์) ให้แก่ผู้รับซื้อฝาก
โดยมีเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ:
ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินคืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระยะเวลาขั้นต่ำตามกฎหมายคือ 1 ปี และขั้นสูงไม่เกิน 10 ปี
ผู้รับซื้อฝากมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน
เพิ่มเติมในปี 2567 มีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการขายฝาก ดังนี้
เพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้รับซื้อฝากที่เอาเปรียบผู้ขายฝาก เช่น การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา กีดกันการไถ่ถอน
กำหนดให้ผู้รับซื้อฝากแจ้งข้อมูลการขายฝากต่อกรมที่ดิน
เปิดช่องทางให้ผู้ขายฝากร้องเรียนออนไลน์
ข้อดีของการขายฝาก:
ผู้ขายฝากได้รับเงินทุน
ผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินคืน
ผู้รับซื้อฝากมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน
ข้อเสียของการขายฝาก:
ผู้ขายฝากอาจสูญเสียกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ผู้ขายฝากอาจถูกเอาเปรียบ
ผู้รับซื้อฝากอาจสูญเสียเงินทุน
สรุป:
การขายฝากเป็นทางเลือกหนึ่งในการหาเงินทุน แต่ผู้ขายฝากควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
แหล่งข้อมูล:
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453 - 484
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2560
เว็บไซต์กรมที่ดิน: https://dol.go.th/